คริสเตียโน โรนัลโด้ มาทำความรู้จักกับนักเตะระดับโลก ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก

คริสเตียโน โรนัลโด้

คริสเตียโน โรนัลโด้

โรนัลโดเป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวโปรตุเกสที่เล่นเป็นกองหน้าให้กับสโมสรยูเวนตุสของอิตาลีและทีมชาติโปรตุเกส โรนัลโด้เป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลหลังจากย้ายจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปเรอัล มาดริดในราคา 80 ล้านปอนด์ในปี 2013 โรนัลโด้มีรายได้ 12 ล้านปอนด์ต่อปีในการเล่นให้กับเรอัล มาดริด เขาเป็นผู้เล่นที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก

ประวัติของ โรนัลโด้

Ronaldo Aveiro เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 บนเกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกสเป็นบุตรของนาย José Dinich Aveiro (เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2548 ขณะอายุ 52 ปี) และนาง Maria Dulores Aveiro เป็นบุตรคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 4 คน แม้ว่าเขาจะคลอดก่อนกำหนด แต่เขาก็หนัก 8 ปอนด์ ที่มาของชื่อโรนัลโด้ได้รับจากพ่อของเขา ได้รับแรงบันดาลใจจากชื่อของนายโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคนที่พ่อของโรนัลโดเคยชื่นชมตั้งแต่เรแกนยังเป็นนักแสดงอยู่

ครอบครัวของโรนัลโด้อาศัยอยู่ที่ Quinta do Falcao เขต Santo Antonio ของ Funchal ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรยากจนมาก โรนัลโด้เริ่มเล่นฟุตบอลที่นี่ ซึ่งตอนเป็นเด็กเขาจะชอบเล่นฟุตบอลข้างถนน เมื่อทรงมีพระชนมายุได้ 6 พรรษา เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในทีมชุดแรกของทีม Andorinha (อันโดรินญา) ตามคำชักชวนของญาติของเขาที่อยู่ในทีมนี้ Nal (นาซิอองนาล) พร้อมจ่ายค่าตัวเป็นชุดบอลและลูกบอล

ผลงาน คริสเตียโน โรนัลโด้

การเริ่มต้นเล่นฟุตบอลของโรนัลโด้

1993-2001 เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชน

โรนัลโดเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ ก่อนจะเริ่มเล่นอย่างจริงจังในทีมชุดใหญ่อันโดรินญาเมื่ออายุได้ 6 ขวบตามคำชักชวนของญาติของเขาที่อยู่ในทีมนี้ นอกจากนี้ยังเป็นทีมที่พ่อของเขารับผิดชอบชุด ในปี 1995 โรนัลโดตัดสินใจย้ายไปนาซิอองนาลโดยเสียค่าธรรมเนียมในชุดฟุตบอลและลูกบอลหลังจากช่วยนาซิอองนาลคว้าแชมป์เยาวชน ตอนอายุ 12 ปี โรนัลโดได้รับความสนใจจากสโมสรใหญ่หลายแห่งของโปรตุเกส แต่ในที่สุดโรนัลโดก็เลือกสโมสรโปรดของเขาอย่างสปอร์ติ้ง ลิสบอน

2001-2003 เล่นฟุตบอลกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน

โรนัลโด้เริ่มต้นอาชีพกับสปอร์ติ้ง ลิสบอนในปี 1997 ในฐานะทีมเยาวชน เขาค่อย ๆ ไต่เต้าขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จในปี 2544 หลังจากพัฒนาผ่านทีม U16, U17, U18 และ B ตามลำดับ และเมื่ออายุได้ 17 ปี โรนัลโด้ได้ปรากฏตัวในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกให้กับสปอร์ติ้ง และยิงได้ 2 ประตูในเกมพบโมไรเรนส์ และเขาได้ลงประเดิมสนามให้ทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่เป็นครั้งแรกอีกด้วย

2003 – 2006 เล่นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แจ้งเกิดได้อย่างสวยงาม

ตั้งแต่โรนัลโด้เข้าร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาก็ได้รับคำชมมากมายเกี่ยวกับทักษะของเขา ความสามารถเฉพาะตัวของเขาในฤดูกาล 2546-2547 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกของโรนัลโด้เขาต้องพบกับความกดดันของเบอร์ 7 ของทีมต่อจากเบ็คแฮม และบรรดานักเตะระดับตำนานของ “ปีศาจแดง” ก็เคยใช้หมายเลขนี้ในสีเสื้อของยูไนเต็ด ไม่ว่าจะเป็นเอริค คันโตน่า, จอร์จ เบสต์ หรือบ็อบบี้ ชาร์ลตัน ท่ามกลางความคาดหวังจากแฟนบอลอย่างมากจนเขาเคยขอให้เปลี่ยนเบอร์เสื้อจากเบอร์ 7 กลับไปเป็นเบอร์ 28 ที่เขาใส่สมัยค้าแข้งที่สปอร์ติ้ง ลิสบอน แต่ถูกสโมสรปฏิเสธ โดยเชื่อว่า โรนัลโด้ เหมาะสมกับการสืบทอดตำนานหมายเลข 7 ของ “ปีศาจแดง”

โรนัลโด้ประเดิมสนามให้กับ “ปีศาจแดง” ในเกมที่ถล่มโบลตัน วันเดอเรอร์ส โดยลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 60 ของเกม และใช้เวลาไม่นานในการฟื้นตัว ปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ชิพและยิงได้ 8 ประตูจากการลงสนาม 39 นัด รวมถึงประตูแรกของเขาในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ, ชัยชนะเหนือมิลล์วอลล์ 3-0 ที่มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นแห่งปีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเซอร์ แมตต์ บัสบี้) ประจำฤดูกาล 2003/04

ในปี 2549 โรนัลโดและเพื่อนร่วมทีมของเขา รุด ฟาน นิสเตลรอยทะเลาะกันที่สนามซ้อมแคร์ริงตัน โร้ดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีข่าวลือว่าโรนัลโด้จะถูกขายให้กับยูเวนตุสยักษ์ใหญ่ของอิตาลีด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,260 ล้านบาท) แต่นั่นเป็นเพียงข่าวลือก่อนที่โรนัลโด้จะต่อสัญญากับทีมออกไปจนถึงปี 2010

2006-2007 คว้านักเตะยอดเยี่ยมของเกาะอังกฤษ

หลังฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี โรนัลโดถูกแฟนบอลอังกฤษรุมโห่ หลังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเวย์น รูนี่ย์ เพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมที่อังกฤษพบกับโปรตุเกส โรนัลโด้ถูกสื่ออังกฤษกดดันและด่าทอ อย่างไรก็ตาม โรนัลโด้ยังคงเล่นให้กับทีม “ปีศาจแดง” ต่อไป และพาทีมออกสตาร์ทฤดูกาล 2006-2007 ได้อย่างงดงามด้วยการถล่มฟูแล่ม 5-1 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โรนัลโดเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทรงอิทธิพลที่สุดของยูไนเต็ด โดยทำไป 6 ประตูจากการลงเล่น 3 นัด รวมเป็น 12 ประตูก่อนจะเพิ่มอีกสองประตูในเกมพบวีแกน อีกสองประตูกับวีแกน และยังคว้ารางวัลให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยม และนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี ของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ จากการโหวดของแฟนบอลทั่วสหราชอาณาจักร และยังได้นักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรและของแฟนบอลยูไนเต็ดอีกด้วย

2007-2008 พาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์

โรนัลโด้ออกสตาร์ทฤดูกาลได้อย่างย่ำแย่ หลังโดนใบแดงในเกมกับ พอร์ทสมัธ ก่อนจะกลับมายิงประตูให้ทีมเอาชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน อดีตต้นสังกัดเก่าได้สำเร็จ ในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม หลังจากนั้นประตูจากปลายสตั๊ดของ โรนัลโด้ ก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งในยุโรป ลีก หรือบอลถ้วย ส่งผลให้ทีม “ปีศาจแดง” ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดครึ่งฤดูกาลแรก

2009 ย้ายมาร่วมทีม เรอัล มาดริด อย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2009 หลังตกลงจรดปากกาเซ็นสัญญากับ “ราชันชุดขาว” เป็นเวลา 6 ปี พร้อมรับค่าเหนื่อย 13 ล้านยูโร (520 ล้านบาท) ต่อฤดูกาล รวมค่าฉีกสัญญาสูงถึง 1 พันล้านยูโร (40,000 ล้านบาท) บาท) ในวันเปิดตัว “ CR9” ดูเหมือนว่าเหล่าสาวกของมาดริดิสต้าได้ทำลายสถิติจำนวนแฟนบอลที่ต้อนรับ ดีเอโก้ มาราโดน่า 75,000 คนเมื่อเขาออกจากบาร์เซโลน่าไปเซเรีย อา ในปี 1984

โรนัลโด้ปรากฏตัวครั้งแรกให้กับสโมสรในเกมกระชับมิตรกับแชมร็อกในไอซ์แลนด์ก่อนที่จะเปิดตัวในลีก ในนัดที่พบกับ ลา อรุนญา เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ซึ่งเขาก็ยิงประตูได้ทันทีเช่นกัน ในฤดูกาลแรกนี้ โรนัลโด้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการลงเล่นทั้งหมด 35 นัดและ 33 ประตู โรนัลโดเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของลาลีกาในฤดูกาลนั้น โดยโรนัลโดเล่นเป็นกองหน้าและบางครั้งก็เล่นในตำแหน่งปีกซ้าย

2010-11 ถูกเปลี่ยนไปใส่เบอร์ 7

เมื่อเริ่มต้นฤดูกาล 2010-11 โรนัลโดถูกเปลี่ยนมาเป็นหมายเลข 7 และเปลี่ยนผู้จัดการทีมคนใหม่ โชเซ่ มูรินโญ่ โค้ชชาวโปรตุเกสที่รู้จักโรนัลโด้เป็นอย่างดี ส่งผลให้”เจ็ทโด้”เค้นฟอร์มเก่งต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เหมาคนเดียวยิงได้ 4 ประตูทำให้เรอัลมาดริดถล่มราซิ่ง 4-0 แต่ไฮไลท์สำคัญในฤดูกาล ที่กล่าวมาคือความพ่ายแพ้ต่อบาร์เซโลน่า 0-5 คู่แข่งร่วมลีกที่คัมป์ นู

2011-12 ความสำเร็จและการพัฒนา เป็นไปอย่างก้าวกระโดด

ฤดูกาลนี้ “CR7” ทำไปได้ถึง 60 ประตู (รวมทุกรายการ) และสามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของสหรัฐอเมริกาได้ แต่พ่ายให้กับบาเยิร์น มิวนิค 1-3 จากการยิงจุดโทษ อย่างไรก็ตาม โรนัลโด้ ก็สามารถพาทีม เพื่อคว้าแชมป์ลา ลีกา เป็นสมัยที่ 32 ให้กับสโมสร ภาพรวมของเรอัล มาดริด ตกต่ำมาก เพราะไม่มีถ้วยรางวัลติดมือแม้แต่ใบเดียว อีกทั้งยังมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกอีกด้วย และ โรนัลโด้ ไม่กินเส้นกับทางด้าน มูรินโญ่ ส่งผลให้เฮดโค้ชจากแดนฝอยทอง ถูกไล่ออกจากตำแหน่งในที่สุด ขณะที่โรนัลโด้ย้ายกลับทีมเก่าอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ล่าสุดเจ้าตัวยืนยันว่าจะกลับรังเก่าอย่างแน่นอน