ธีรศิลป์ แดงดา ประวัติและผลงาน การมุ่งสู่เส้นทางทีมชาติไทย

ธีรศิลป์ แดงดา

ธีรศิลป์ แดงดา (ชื่อเล่น มุ้ย; เกิดวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2531) เป็นกองหน้าของฟุตบอลทีมชาติไทย ก่อนหน้านี้เขาเคยเล่นให้กับซานเฟรซเซ ฮิโรชิมาในเจลีก และชิมิสุ เอส-พัลส์ในเจลีกนอกจากนี้เขายังเล่นกับ Ude Almería ในลาลีกาของสเปนอีกด้วย

ธีรศิลป์ แดงดา

ประวัติของธีรศิลป์ แดงดา

ธีรศิลป์ แดงดา เกิดที่กรุงเทพมหานคร บิดาชื่อพันเอกประสิทธิ์ แดงดา มารดาชื่อกาญจนา ซึ่งเป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ และธีรศิลป์ มีน้องสาวชื่อ ธนิกานต์ แดงดา ซึ่งเป็นนักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ธีรศิลป์จบมัธยมปลายจากอัสสัมชัญ เขายังเป็นนักฟุตบอลคนหนึ่งของโรงเรียนและได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมชั้นและโค้ชของโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีว่าเป็นนักฟุตบอลที่ดีและสามารถเคลื่อนที่ไปกับบอลได้อย่างรวดเร็ว

ธีรศิลป์ แดงดา เริ่มอาชีพนักฟุตบอลครั้งแรกในปี พ.ศ. 2546-2547 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปีเขาก็เข้าร่วมสโมสรอาชีพเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2548 กับสโมสรแอร์ฟอร์ซเซ็นทรัล สโมสรเมืองทองยูไนเต็ด และปี 2550-2551 และได้ย้ายไปสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ ก่อนถูกยืมตัวไปเล่นให้กับกราสฮ็อปเปอร์ ซูริค

หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2552 เขาย้ายกลับมาเล่นให้กับสโมสรราชประชาอีกครั้งและเล่นให้กับเมืองทองยูไนเต็ดในปี พ.ศ. 2552 ต่อมาในปี พ.ศ. 2557 – 2558 เขาเล่นให้กับสโมสรอูเด อัลเมเรีย ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศสเปนโดยยืมตัว ในปี พ.ศ. 2561 ได้ย้าย เพื่อเล่นให้กับ Sanfrecc Hiroma สโมสรในญี่ปุ่น

ปี 2020 กลับมาเมืองไทยเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ บางกอกกล๊าส ทีมในไทยลีก

5 เส้นทางประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลไทย ธีรศิลป์ แดงดา ลุยต่างแดน

  1. ในปี 2007 ธีรศิลป์ แดงดา วัย 19 ปี เซ็นสัญญาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสัญญา 3 ปี แต่มีปัญหาเรื่องใบอนุญาตทำงานในอังกฤษ
  2. ในปี 2013 ธีรศิลป์ แดงดา วัย 25 ปี ได้มีโอกาสทดสอบฝีเท้ากับแอตเลติโก มาดริด ทีมดังในลาลีกา สเปน แต่เขาไม่ได้เซ็นสัญญา เขาติดปัญหาที่ต้องเซ็นสัญญาผู้เล่นจากนอกยุโรป
  3. ในปี 2014 ธีรศิลป์ แดงดา ย้ายไปเล่นในเวที ลา ลีกา สเปน กับ อัลเมเรีย ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี
  4. ในปี 2018 ธีรศิลป์ แดงดา ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนักเตะไทยคนที่ 2 ต่อจาก ชนาธิป ที่ได้เลื่อนชั้นสู่เวทีเจลีก ลีกสูงสุดของญี่ปุ่น โดยร่วมทีม ซานเฟรซเซ ฮิโรชิมา ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี ก่อนกลายเป็นนักเตะไทยคนแรกที่คว้ารองแชมป์ เจลีก ญี่ปุ่น
  5. ในปี 2020 ธีรศิลป์ แดงดา เดินทางไปญี่ปุ่นอีกครั้ง และเข้าแคมป์ฝึกซ้อมกับทีมดังแห่งเจลีก ชิมิสุ เอส-พัลส์ ก่อนเตรียมรอเปิดตัวเข้าร่วมทีมอย่างเป็นทางการ

5 เส้นทาง ฟุตบอลไทย ธีรศิลป์ แดงดา

ฟุตบอลสโมสรของธีรศิลป์แดงดา

จ่าอากาศและราชประชา

ธีรศิลป์เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรฟุตบอลโรงเรียนจ่าอากาศ ในไทยลีก ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2004/05 เมื่ออายุ 17 ปี โดยไม่ค่อยได้ลงเล่นมากนัก แต่สามารถทำประตูได้ 3 ประตูจากการลงเล่นเพียงแค่ 6 นัด ซึ่งขณะนั้นยังเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก

ในปี พ.ศ. 2549 ธีรศิลป์ได้ย้ายไปเล่นให้กับราชประชา เอฟซี ในฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ประเภท ข และตกรอบแบ่งกลุ่ม ธีรศิลป์ได้เล่นในตำแหน่งกองหน้ามากขึ้น และทำประตูได้ถึง 9 ประตูจากการลงเล่น 18 นัด รวมถึงจ่ายให้เพื่อนทำประตูถึง 5 ครั้ง

ในปี 2550 ธีรศิลป์ถูกยืมตัวกลับมาเล่นให้กับโรงเรียนจ่าอากาศอีกครั้งในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก

เมืองทองยูไนเต็ด (ครั้งที่ 1)

จากนั้นในช่วงครึ่งฤดูกาล (เลก 2) ธีรศิลป์ได้ย้ายลงมาเล่นให้กับสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ดในไทยลีกดิวิชั่น 2 ในปี พ.ศ. 2550 และเป็นนักฟุตบอลที่มีส่วนในการพาเมืองทองคว้าแชมป์ไทยลีกดิวิชั่น 2 ซึ่งผู้จัดการทีมเมืองทองในขณะนั้นคือ โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ ได้กล่าวว่าธีรศิลป์เริ่มมีทักษะการเล่นที่ดีขึ้นจนหลายทีมทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจอยากได้ตัวธีรศิลป์ไปร่วมทีม ซึ่งตัวผมและสตาฟฟ์โค้ชทุกคนยังมั่นใจได้ว่าเด็กคนนี้มีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน โดยในฤดูกาลนี้ ธีรศิลป์ ลงเล่นไปแล้ว 15 นัด ยิงได้ 7 ประตู และจ่ายให้เพื่อนทำประตู 2 ครั้ง

เมืองทอง ยูไนเต็ด (ครั้งที่ 2)

ฤดูกาล 2552

ในปี พ.ศ. 2552 ธีรศิลป์กลับมาเซ็นสัญญาย้ายไปเมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งขณะนั้นโค้ชตั๊ก อรรถพร บุษปาคม เป็นโค้ชอยู่ โดยย้ายแบบฟรี ๆ หลังจากเล่นให้กับสโมสรแห่งนี้ในดิวิชั่น 2 และได้ลงสนามในไทยพรีเมียร์ลีกครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2552 ในเกมที่เปิดบ้านชนะการท่าเรือไทย 3-0 โดยเขาทำประตูแรกให้ทีมพาสโมสรคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก มันคือสมัยแรกของสโมสร นอกจากธีรศิลป์แล้วยังมีผู้เล่นที่เป็นกำลังหลักในการช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ ได้แก่ ดาญโญ เซียก้า ซึ่งเป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรในฤดูกาลนั้นที่ยิงได้ 10 ประตู, สุมาโฮโร ยาย่า, สุริยา ดอมไธสงและฤดูกาลนี้ธีรศิลป์ยิงได้ 7 ประตู

ฤดูกาล 2553

ในฤดูกาลนี้ ธีรศิลป์ได้ลงตัวจริงมากขึ้นแม้จะติดเกมทีมชาติและมีอาการบาดเจ็บทั้งเกมลีกและทีมชาติและเกมชิงแชมป์สโมสรเอเชียอย่างเอเอฟซี คัพ แต่เขายังเป็นกำลังหลัก ให้กับสโมสรในการคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก นับเป็นครั้งที่ 2 ของสโมสรเทียบเท่ากับ บีอีซี เทโรศาสน, ธนาคารกรุงไทย และ แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด เขายังทำประตูใน AFC Cup สิบหกคนสุดท้ายพบกับสโมสร Al Rayyan สโมสรฟุตบอลจากกาตาร์ แต่พวกเขาก็ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายเมื่อเสมอกับ อัล อิตติฮัด แห่งซีเรีย 2-1

ฤดูกาล 2554

เมื่อลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย สำหรับทีมชาติไทย ธีรศิลป์ ได้กลับมาช่วยต้นสังกัดอีกครั้ง ในฤดูกาลนี้ สโมสรเมืองทองสร้างความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลไทยอีกครั้ง โดยได้ ร็อบบี ฟาวเลอร์ อดีตกองหน้าจากสโมสรลิเวอร์พูล และ คริสเตียน ควาคู มาช่วยธีรศิลป์เติมเกมรุกให้มีความหลากหลายมากขึ้น ในฤดูกาลนี้ ธีรศิลป์พาทีมไปเล่นใน AFC Cup (ซึ่งตกรอบจาก AFC Champions League 2011 รอบคัดเลือก) โดยมีเมืองทองอยู่กลุ่มเดียวกับ Tampines Rovers Football Club, Hanoi T&T และ VB Sport Club ในนัดที่เมืองทองเปิดบ้านเอาชนะฮานอย ทีแอนด์ที 4-0 (นัดนี้ยิง 2 ประตู) และเมืองทองเป็นแชมป์กลุ่มและเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายเจออัล อาเฮด และธีรศิลป์ยิงได้ ทำประตูได้ในนัดนี้ แต่ต้องมาตกรอบสุดท้าย ในฤดูกาลนี้ ธีรศิลป์ ยิงไปแล้ว 13 ประตู และ 1 แฮตทริก ในนัดที่พบกับ บางกอกกล๊าส ซึ่ง เมืองทอง ชนะ 6-2

ฤดูกาล 2555

ก่อนเปิดฤดูกาลไทยพรีเมียร์ลีก 2012 สโมสรเมืองทองได้ซื้อผู้เล่นโควตาต่างชาติเพื่อช่วยธีรศิลป์ทำเกมรุกในตำแหน่งกองหน้า หลังจากฤดูกาลที่แล้วไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ด้วยการซื้อนักเตะอย่าง มารีโอ ยูโรฟสกี, อัดนัน บาราคัท, เปาลู รังเฌล ประตูแรกที่ธีรศิลป์ทำได้ในเกมไทยลีกนัดแรกคือเกมที่เมืองทองเปิดบ้านเอาชนะ สโมสรการท่าเรือไทย ไป 5-1 นอกจากนี้ ธีรศิลป์ ยังทำแฮตทริกในเกมที่ เมืองทอง บุกไปเอาชนะ บีบีซียู เอฟซี 1-8 ในศึกไทยคม เอฟเอคัพ 2012 รอบก่อนรองชนะเลิศ เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดบ้านพบกับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ซึ่งธีรศิลป์ยิงประตูเดียวของการแข่งขันแต่แพ้ไปด้วยผล 3-2 และในโตโยต้า ลีกคัพ 2012 ธีรศิลป์ยิงประตูไม่ได้แต่ช่วยจ่ายให้ เพื่อนทำประตูได้สองครั้งและจบการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก 2012 เมืองทองยูไนเต็ดเป็นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกสมัยที่ 3 ซึ่งสามารถสร้างสถิติไม่แพ้สโมสรใดในฤดูกาลนี้ ซึ่งธีรศิลป์ คว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดร่วมกับคลีตัน โอลิเวร่า ซิลวา นักฟุตบอลชาวบราซิลของบีอีซี เทโรศาสน ที่ยิงได้ 24 ประตู และยังได้รับรางวัลอีกด้วย กองหน้ายอดเยี่ยมแห่งปี 2012 ของ ไทยพรีเมียร์ลีก

หลังจากจบฤดูกาล 2555

หลังจบไทยพรีเมียร์ลีกได้ประมาณหนึ่งเดือน ธีรศิลป์ เดินทางกลับจังหวัดสุรินทร์พร้อมครอบครัว ในตอนนั้นมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการย้ายทีมของ ธีรศิลป์ รวมถึงการย้ายไปเล่นฟุตบอลลีกเกาหลี, ออสเตรเลีย และสโมสรฟุตบอลเกตาเฟ่ จากลาลีกา สเปน ได้ยื่นข้อเสนอ 10 ล้านบาท ให้กับสโมสรเมืองทองฯ แต่ถูกปฏิเสธ แต่มีข่าวดีสำหรับแฟนบอลชาวไทย สโมสรฟุตบอลแอตเลติโก มาดริด จากลา ลีกา สเปน ได้เชิญธีรศิลป์เข้าร่วมทดลองเล่นกับสโมสรในสเปนเป็นเวลา 1 เดือน พร้อมจัดหาที่พักและรถรับส่ง โดยทั้งธีรศิลป์และสโมสรเมืองทองได้ตกลงกับแอตเลติโก มาดริด และมีกำหนดเข้ารับการฝึกซ้อมในวันที่ 8 มกราคม 2556 และหลังจากนั้นธีรศิลป์ก็ถูกเรียกติดทีมชาติไทยเพื่อแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ที่ประเทศไทยและมาเลเซียในฐานะ เจ้าภาพร่วม

ฤดูกาล 2556

แอตเลติโก มาดริด (ไปทดสอบการเล่น)

ในฤดูกาล 2013 ธีรศิลป์เดินทางไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรฟุตบอลแอตเลติโกมาดริด ที่ประเทศสเปน พร้อมด้วย ผู้ฝึกสอน อุทัย บุญหมอ ที่บินไปอบรมผู้ฝึกสอนและนักเตะเยาวชน 9 คน ของสโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อาทิ กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์, เสกสิทธิ์ ศรีใส, ทะมีซี หะยียูโส, กิตติศักดิ์ โฮชิน, ณัฐพล เปี่ยมพลาย, นนทวัฒน์ กลิ่นจำปาศรี, วีรวัฒน์ เกิดพันธุ์, พิชา อุทรา, พิพรรธพล ทับไทร ก็เดินทางไปเพาะบ่มฝีเท้ากับเจ้ามุ้ยด้วยเช่นเดียวกัน โดยออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556 และเดินทางถึงประเทศสเปนเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 ท่ามกลางการต้อนรับของตัวแทนสโมสรฟุตบอลแอตเลติโกเดสเปน มาดริด และธีรศิลป์ลงซ้อมครั้งแรกทดสอบฝีเท้ากับทีมสำรองชุดเบและชุดเซ โดยไปร่วมฝึกซ้อมกับนักเตะชื่อดังในแอตเลติโก มาดริด เช่น ราดาเมล ฟัลกาโอ, อาร์ดา ทูรัน, เดียโก โกดิน โดยมี ดิเอโก้ ซิเม่ โค้ชคนแรกของสโมสร Oney เป็นผู้ดูแลและให้คำแนะนำและแท็กติกแก่ธีรศิลป์

รางวัลที่ได้รับ

รางวัลในระดับสโมสร

  • เมืองทอง ยูไนเต็ด
  • ไทยพรีเมียร์ลีก (4) : 2552, 2553, 2555, 2559
  • ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. ประจำปี 2553 (1) : 2553
  • ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 (1) : 2550
  • ไทยลีกคัพ (2): 2559, 2560
  • ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ (1): 2017
  • แม่โขง คลับ แชมเปี้ยนชิพ (1) 2017
  • บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
  • ไทยลีก (1) : 2563–64
  • ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ (1): 2021, 2022

รางวัลในนามทีมชาติ

  • ไทย รุ่นไม่เกิน 23 ปี
  • เหรียญทองซีเกมส์ Med 1.png (1): 2550
  • ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน (2): 2016, 2020
  • ฟุตบอลคิงส์คัพ (1): 2559

เกียรติประวัติอื่น ๆ

  • ดาวซัลโวในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ประจำปี 2551 และ 2555 คือ…
  • นักเตะแห่งปีไทยพรีเมียร์ลีก (1): 2555
  • ดาวซัลโวไทยพรีเมียร์ลีก (1): 2555
  • 2555 รางวัลรองชนะเลิศ นักกีฬาสมัครเล่นชายยอดเยี่ยม สยามกีฬาอวอร์ดส์ ครั้งที่ 6
  • พ.ศ. 2556 คว้า 3 รางวัลจากงานฟุตบอลทองคำสยาม ครั้งที่ 3 ได้แก่

รางวัลนักเตะยอดเยี่ยม

รางวัลผู้ทำประตูไทยลีก ได้แก่ คลีตัน ซิลวา (บีอีซี เทโรศาสน)

รางวัลฟุตบอลสยามโกลเด้นบอลออลสตาร์ไทยพรีเมียร์ลีกสร้างทีมออลสตาร์พร้อมกับคลีตันซิลวา (บีอีซีเทโรศาสน)